วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เกาะไม้ท่อน จ.ภูเก็ต & วิหารเทพวิทยาคม วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา

เกาะไม้ท่อน จังหวัดภูเก็ต 




      หลังถูกปิดไว้นานนับสิบปี บัดนี้เกาะสวรรค์อันดามันแห่งใหม่ได้เวลาต้อนรับนักท่องเที่ยว ห้มายลโฉมความงดงามของเกาะไม้ท่อน จังหวัดภูเก็ต เกาะเล็กๆ บรรยากาศโรแมนติกเงียบสงบเป็นส่วนตัว จนได้รับสมญาว่า Honeymoon Private Island ซึ่งปัจจุบันเกาะไม้ท่อน กำลังถูกพูดถึงอย่างมากในโลก Social โดยครั้งหนึ่งเจ้าชายจิกมี แห่งราชอาณาจักรภูฏาน ก็เคยเสด็จฯมาเยือน สำหรับพระเอกต้องยกให้น้ำทะเลสีเขียวใสบริสุทธิ์ และความสมบูรณ์ของธรรมชาติบนเกาะ บวกกับเสน่ห์สวยๆ ใต้ท้องทะเล ซึ่งมีเเนวปะการังอยู่ใกล้หน้าหาด ใกล้ท่าเรือ ทอดยาวตลอดเเนว เเถมดงดอกไม้ทะเลที่เต็มไปด้วยปลาการ์ตูน ปลาดาว รวมทั้งฝูงปลาผีเสื้อ รอให้คุณมาแหวกว่ายสัมผัสอารมณ์ “ฟิน” ด้วยกัน




      เกาะไม้ท่อน เป็นเกาะเล็กๆ ที่เงียบสงบบนฝั่งอันดามัน ที่ได้รับสมญานามว่า มัลดีฟเมืองไทย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะภูเก็ต มีหาดทรายขาวยาว น้ำทะเลสวยใสจนสามารถมองเห็นฝูงปลาสวยงามหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นปลาเสือ ปลาสิงโต ปลานกแก้ว ปลาการ์ตูน บางวันอาจจะได้เห็นปลาโลมาขึ้นมาเล่นคลื่น ที่นี่มีปะการังที่ยังคงความสมบูรณ์ บรรยากาศเงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อน เล่นน้ำหรือดำน้ำ เหตุที่เรียกว่า “เกาะไม้ท่อน” นั้น ก็เพราะว่า ถ้าดูจากภาพถ่ายทางอากาศแล้ว เกาะแห่งนี้จะมีรูปร่างลักษณะเหมือนกับท่อนไม้ แต่ถ้าจะให้ เรียกว่าเกาะท่อนไม้คงไม่ไพเราะเท่าไรนัก จึงมีการปรับเปลี่ยนชื่อซะใหม่ และก็ได้ชื่อที่ลงตัวว่า “เกาะไม้ท่อน” ซึ่งถือว่าเป็นเกาะส่วนตัว ที่มีสภาพภูมิประเทศของป่าเขาที่สมบูรณ์ รายล้อมไปด้วยปะการังและมีหาดทรายขาวน้ำทะเลใส เหมาะแก่การมาเที่ยวพักผ่อน ว่ายน้ำ ตกปลา พร้อมทั้งสามารถดำน้ำชมปะการังบริเวณหน้าหายหาดได้เลย เกาะไม้ท่อน เป็นเกาะสรรค์สถานที่ท่องเที่ยวที่ชาวต่างชาติ และ ชาวไทยนิยม ไปพักผ่อนกันมาก รวมทั้ง มกุฎราชกุมารจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในพระนาม “เจ้าชายจิกมี” แห่งราชอาณาจักรภูฏาน หนึ่งในพระราชอาคันตุกะคนสำคัญของงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็ทรงเคยเสด็จฯเยือนเกาะไม้ท่อน แห่งนี้เพื่อสำราญพระราชอิริยาบถในระหว่างที่พระองค์ทรงพำนัก อยู่ในประเทศไทยด้วยเช่นกัน




วีดีโอแนะนำการท่องเที่ยว  เกาะไม้ท่อน จ.ภูเก็ต
    

วิหารเทพวิทยาคม วัดบ้านไร่ 
จังหวัดนครราชสีมา




       จากความวิริยะอุตสาหะอย่างแรงกล้า และความสามัคคีของชาวบ้าน สู่วิหารเซรามิคโมเสกกลางน้ำใหญ่ ที่สุดในเอเชีย! ที่รู้จักกันกันในชื่อวิหารเทพวิทยาคม อลังการแห่งศรัทธากลางวัดบ้านไร่ จังหวัดนครราชสีมา สร้างขึ้นจากความตั้งใจของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ที่ต้องการให้ คนเข้าใจศาสนาอย่างง่ายๆ โดยได้เห็นการเล่าเรื่องจากภาพ และมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้ข้อมูล หัวใจหลักของวิหาร คือการสอดแทรกเรื่องราวของพระไตรปิฏกไว้อย่างสมบูรณ์แบบ ตั้งแต่สถาปัตยกรรมภายนอก เช่น รูปปั้นพญานาค 19 เศียร ประตูท้าวจตุโลกบาล, เศียรช้างขนาดใหญ่ ตลอดจนด้านในก็จะบอกเล่าเรื่องราวของพระพุทธเจ้าทุกชาติภพ ดังนั้นไม่เพียงเราจะได้เรียนรู้และซึมซับ พลังแห่งความเลื่อมใสทางพุทธศาสนา แต่ยังได้สัมผัสความงดงามทางศิลปะ ที่จะช่วยจรรโลงจิตใจให้สูงขึ้นอีกด้วย


      สำหรับ วิหารเทพวิทยาคม หรือ วิหารปริสุทธปัญญา เป็นอุทยานธรรมกลางบึงน้ำขนาดใหญ่ของวัดบ้านไร่ ก่อสร้างขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ที่ต้องการจะให้เป็นมหาวิหารแห่งพระไตรปิฎก หรืออีกนัยหนึ่งคือ ดินแดนที่รวบรวมพุทธประวัติ พระวินัย และพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงแสดงไว้ทั้งหมด และเพื่อจรรโลงพระศาสนาให้เป็นไปตามปัจฉิมวาจาของพระพุทธองค์ก่อนเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานที่ว่า “แท้จริงแล้ววินัยที่เราได้บัญญัติแก่ท่านทั้งหลายก็ดี ธรรมที่เราได้แสดงแล้วแก่ท่านทั้งหลายก็ดี เมื่อเราล่วงไปแล้ว ธรรมและวินัยเหล่านั้นจะเป็นศาสดาของท่านทั้งหลาย” ดังนั้นมหาวิหารแห่งนี้จึงเป็นสถานที่แห่งแรกและแห่งเดียวในโลกที่นำเอาพระไตรปิฎกมาแสดงและให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไป


        วีดีโอแนะนำการท่องเที่ยว  วิหารเทพวิทยาคม วัดบ้านไร่ จังหวัดนครราชสีมา

   
ข้อมูลและภาพ : 
http://www.painaidii.com/diary/diary-detail/001533/lang/th/
http://www.paiduaykan.com/province/south/phuket/maiton.htm
http://www.touronthai.com/article/629             
https://travel.kapook.com/view79454.html

วีดีโอ :
https://www.youtube.com/watch?v=MD-QPP0n1rA
https://www.youtube.com/watch?v=Ko0dyhMpEq8

วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว จ.อุบลราชธานี & แก่งชมดาว จ.อุบลราชธานี

วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว จังหวัดอุบลราชธานี




     เมื่อความสว่างจากท้องฟ้าเริ่มลาลับสู่พลบค่ำ บริเวณด้านหลังอุโบสถของวัดเล็กๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี กลับปรากฏแสงเรืองรองขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ เกิดจากศิลปกรรมต้นไม้เรืองแสง ของวัดสิรินธรวรารามภูพร้าว ที่ค่อยๆ เผยความพิเศษขึ้นมาทีละน้อย จนกลายเป็น Unseen Thailand อีกแห่งที่ชวนค้นหา นอกจากนี้วัดสิรินธรวรารามภูพร้าวยังเป็นสถานที่เหมาะสำหรับชมพระอาทิตย์ตกดิน และเฝ้ามองดูดวงดาวสุดงดงาม ซึ่งหากโชคดีอาจได้พบฝูงช้างเผือกเชือกใหญ่เปล่งประกายบนท้องฟ้า ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบร่มรื่น





      วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว  หรือนิยมเรียกกันว่า วัดเรืองแสง ตั้งอยู่ที่  อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง โดยจำลองสภาพแวดล้อมของวัดป่าหิมพานต์หรือเขาไกรลาศ  บริเวณบนยอดเขาจะมองเห็นพระอุโบสถสีปัดทองตั้งเด่นเป็นสง่า  จุดเด่นของวัดคือ การได้มาชมภาพเรืองแสงเป็นสีเขียวของของต้นกัลปพฤกษ์ที่เป็นจิตรกรรมที่อยู่บนผนังด้านหลังของอุโบสถในยามค่ำคืน ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการมาชมและถ่ายภาพคือ ตั้งแต่เวลา 6.00.19.30 น. ซึ่งหากโชคดีก็จะได้เห็นดวงดาวมากมายเต็มท้องฟ้า อีกด้วย  แต่ภาพเรืองแสงนี้หากมองด้วยตาเปล่าจะเห็นเพียงเล็กน้อย จะไม่เห็นเป็นสีเขียวชัดเจนเท่ากับภาพที่ถ่ายด้วยกล้องถ่ายภาพ เพราะฉะนั้นนักท่องเที่ยวบางท่านที่มาเก็บภาพความงดงามผ่านสายตาต้องเผื่อใจไว้เล็กน้อย

      ตัวอุโบสถมีต้นแบบมาจากวัดเชียงทอง ประเทศลาว แต่มีความกว้างมากกว่า 1 เท่า และความยาวมากกว่า 2 เท่า เสาแต่ละต้นลง ลวดลายด้วยมือ โดยรอบนอกเป็นลายดอกบัวและสัตว์ทั้งหลายตามคติบัว 4 เหล่า หัวใจหลักของการทำพุทธศิลป์ คือ การนำเสนอ งานศิลปะที่เกิดจากความสงบ ความเพียร ความอดทน และวิสัยทัศน์ งานแต่ละชิ้นต้องคิดจากความคิดอันวิจิตรและขบคิดมาก่อนทั้งสิ้น อย่างแนวคิดการจำลองให้วัดเป็นเขาพระสุเมรุ  ตรงกลางของพระอุโบสถ เป็นที่ตั้งของพระประธาน แต่เดิมที่คล้ายกับพระพุทธชินราช ในจังหวัดพิษณุโลก แต่มีการนำเพียงส่วนรัศมีออกไป เพื่อให้แลดูกลมกลืนกันยิ่งขึ้น พร้อมกับได้ทำฉากหลังเป็นต้นโพธิ์ โดยเบื้องบนติดด้วยแผ่นพระทอง






      นอกจากความมหัศจรรย์ของพระอุโบสถแล้ว วัดแห่งนี้ยังมีจุดชมวิวทิวทัศน์ซึ่งเป็นวิวลำน้ำโขง และบริเวณด้านหลังพระอุโบสถเป็นจุดชม วิวทิวทัศน์ของฝั่งประเทศลาวและมองเห็นด่านสากลช่องเม็กอย่างสวยงามรวมทั้งอ่างเก็บน้ำที่ อยู่บริเวณเชิงเขาคล้ายกับทะเลสาป  โดยเฉพาะในช่วงพระอาทิตย์ตกดินเราเราจะได้เห็นพระอาทิตย์ดวงโตซึ่งเป็นบรรยากาศที่สวยงามมาก สำหรับต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสง เป็นฝีมือการออกแบบของช่างคุณากร ปริญญาปุณโณ ผู้ลงมือติดโมเสกแต่ละชิ้นด้วยตัวเอง โดยมีแรงบันดาลใจมาจากต้นไม้แห่งชีวิต ในภาพยนตร์เรื่องอวตาร โดยใช้สารเรืองแสง หรือ สารฟลูออเรสเซนต์รอบต้น  คุณสมบัติของสารฟลูออเรสเซนต์จะรับแสงพระอาทิตย์ ในตอนกลางวัน พร้อมกับที่ศิลปกรรมชิ้นนี้ ได้หันหน้าไปทางทิศตะวันออก หรือหันข้างไปทางทิศตะวันตก ก็เลยเหมือนเป็นฉากกั้น พลังงาน ในช่วงเวลาตอนกลางวัน แล้วจะฉายแสงออกมาในตอนกลางคืน คือเป็นการคายพลังงานออกมา  ตัวอุโบสถมีต้นแบบมาจาก วัดเชียงทอง ประเทศลาว เสาแต่ละต้นลงลวดลายด้วยมือ โดยรอบนอกเป็นลายดอกบัวและสัตว์ทั้งหลายตามคติบัว 4 เหล่า ทางเข้าเป็นต้นสาละ 



วีดีโอแนะนำการท่องเที่ยว  วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว จ.อุบลราชธานี


แก่งชมดาว จังหวัดอุบลราชธานี




         หากเดาว่าภาพที่เห็นคือสามพันโบก บอกได้เลยว่าคิดผิด! เพราะแท้จริงคือความงดงามอลังการของแก่งชมดาว Unseen แห่งอำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี  แก่งหินที่ถูกกัดเซาะโดยวังน้ำวน จนเกิดเป็นผาหินและแอ่งหลุมรูปทรงแปลกตา ซึ่งจะมีน้ำสีเขียวใสปรากฏให้เห็นอยู่ตลอดแม้แต่ในฤดูแล้ง ไฮไลต์สำคัญ คือการมาเก็บภาพสวยๆ โดยเฉพาะแสงในช่วงรุ่งเช้าและยามเย็น สะท้อนให้เห็นธรรมชาติที่ยังคงสดใหม่ เนื่องจากมีผู้คนเข้ามาเที่ยวกันไม่มาก สำหรับมุมลั่นชัตเตอร์เจ๋งๆ แนะนำให้เดินเข้าไปด้านในสุด เราจะหยุดอยู่ที่มุมสูง แล้วกด กล้องลงต่ำ เพื่อบันทึกรายละเอียดการกัดเซาะของแก่งหินอันชัดเจนและยิ่งใหญ่ ช่วงเวลาที่แนะนำให้มาเยือนคือตั้งแต่เดือนมกราคม - มิถุนายน






คำแนะนำ 
      หาดชมดาวมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างมากกว่าสามพันโบก เมื่อมาถึงศาลาซึ่งเป็นจุดจอดรถต้องเดินไปอีกเกือบ  1 ก.ม.จึงจะไปถึง จุดไฮไลต์หรือแม้แต่ลวดลายหินสวยๆในบริเวณอื่น ซึ่งจะแตกต่างกับสามพันโบกที่เดินไปนิดเดียวก็ถึงแก่ง สำคัญที่สุดหากยังไม่เคย มาเที่ยว ให้ขอไกด์นำทางมาด้วยสามารถติดต่อจากที่พักก็ได้ ไม่แนะนำให้เดินหาเองเพราะจุดไฮไลต์จะหาเจอยากมากไม่มีป้ายบอก ชัดเจนถ้าไม่ใช่เป็นคนในพื้นที่อาจหลงทางไปไกลและควรเตรียมน้ำดื่มมาให้พร้อม


วีดีโอแนะนำการท่องเที่ยว  แก่งชมดาว จ.อุบลราชธานี



ข้อมูลและภาพ : 
http://www.painaidii.com/diary/diary-detail/001533/lang/th/
http://paiduaykan.com/province/Northeast/ubonratchathani/watsirintorn.html
http://paiduaykan.com/province/Northeast/ubonratchathani/hadchomdaw.html             
                        
วีดีโอ :
 https://www.youtube.com/watch?v=IF7uPxErTNs
https://www.youtube.com/watch?v=ndK5MqYOxqw

วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ซุ้มต้นลีลาวดี พิพิธภัณฑ์แห่งชาติน่าน จ.น่าน & ถนนดอกไม้ตาเบบูญ่า จ.สุพรรณบุรี

ซุ้มต้นลีลาวดี พิพิธภัณฑ์แห่งชาติน่าน 
จังหวัดน่าน



      เสน่ห์แห่งความเนิบช้า และไลฟ์สไตล์การปั่นจักรยาน ดูจะสะท้อนเอกลักษณ์ของจังหวัดน่านได้เป็นอย่างดี และอีก Signature ที่สำคัญคือ ภาพซุ้มต้นลีลาวดีหรือต้นลั่นทม บริเวณหน้า พิพิธภัณฑ์แห่งชาติน่าน ที่ขึ้นเป็นแถวเรียงรายแผ่ขยายกิ่งก้านโค้งเข้าหากัน ราวกับอุโมงค์ต้นไม้ยิ่งใหญ่สวยงาม ที่เราชินตาจากภาพในต่างประเทศ
เหมาะอย่างยิ่งที่จะปั่นเจ้าคันโปรดมาพักผ่อนลอดซุ้มบันทึกภาพสุดชิลล์ ซึ่งบรรยากาศของการเดินอยู่ใต้โถงต้นลีลาวดีแห่งนี้ ถูกยอมรับว่าสวยงาม และร่มรื่นติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทยเลยทีเดียว และเป็นหนึ่งจุดถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวต้องไม่พลาดเก้บความภาพประทับใจอีกด้วย




วีดีโอแนะนำการท่องเที่ยว  พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน



ถนนดอกไม้ตาเบบูญ่า จังหวัดสุพรรณบุรี




     เหลียวมองสองข้างทาง เพื่อดื่มด่ำความงามตระการตา ของสีเหลืองอร่ามจากดอกตาเบบูญ่า (เหลืองปรีดียาธร) ที่พร้อมใจกันผลิดอกเบ่งบานเต็มฝั่งตลอดสาย บนถนนเส้นทางหมายเลข 3502 (อ.สามชุก- อ.ด่านช้าง) ไฮไลต์สุดท้าทายคือไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวที่มีให้ชมตลอดทั้งปี เพราะจะปรากฏโฉมให้ชื่นชมในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียง 1 ถึง 2 สัปดาห์เท่านั้น! หากใครมีโอกาสมาเที่ยวตลาดร้อยปีสามชุก หรือบึงฉวาก ก็สามารถแวะมาเก็บภาพสวยๆ กันได้ ระยะทางไม่ไกลนัก โดยดอกจะบานราวกลางเดือนกุมภาพันธ์ ถึงต้นเดือนมีนาคม






เติมสุขสนุกเที่ยว
–    ชมความงดงามเหลืองปรีดียาธรริมถนนแล้ว ไปช้อปปิ้งกันต่อที่ตลาดร้อยปีสามชุก ซึ่งอยู่บนเส้นทางเดียวกัน
–    หมู่บ้าน unseen เลี้ยงแย้ หมู่บ้านอนุรักษ์แย้ วัดสุวรรณตะไล ต.หนองสะเดา อ.สามชุก เป็นแหล่งท่องเที่ยวแหล่งใหม่บนถนนสายดอกไม้เหลืองปรีดียาธร ในการท่องเที่ยวเชิงนิเวศศึกษาเรียนรู้การดำรงชีวิตของแย้
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเหลืองปรีดียาธร
–    แท้จริงแล้วเหลืองปรีดียาธร หรือตาเบบูยาเหลือง เป็นสายพันธุ์เดียวกับชมพูพันธ์ทิพย์ โดยหม่อมพันธ์ทิพย์ บริพัตร เป็นผู้นำเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย
–    ดอกจะบานช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์จนถึงกลางเดือนมีนาคม
การเดินทาง
จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางไปตลาดสามชุก ขับไปตามถนนเส้นทางหมายเลข 3502 (อ.สามชุก- อ.ด่านช้าง) จะพบความงดงามของเหลืองปรีดียาธรริมสองฟากถนน
สอบถามยามดอกไม้บาน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสุพรรณบุรี (รับผิดชอบพื้นที่ สุพรรณบุรี,ชัยนาท,อ่างทอง) โทร. 035-525863, 035-525867 และ 035-525880 หรือ www.tatsuphan.net หรือ Fanpage : TAT_suphanburi

ข้อมูลและภาพ : 
http://www.painaidii.com/diary/diary-detail/001533/lang/th/
http://dreamdestinations.tourismthailand.org/
วีดีโอ : https://www.youtube.com/watch?v=TVkzi-54hmg

ดอยเมี่ยง อำเภอปาย จ.แม่ฮ่องสอน& วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ จ.ลำปาง

ดอยเมี่ยง อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน


  

     เปิดตัวใหม่ล่าสุดสำหรับ ดอยเมี่ยง สวรรค์เมืองปายป้ายแดง ที่ปักหมุดอยู่สูงประมาณ 1,600 เมตร ในพื้นที่ป่าดิบชื้นและภูเขาสูงชันสลับซับซ้อน เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้หลายชนิด  เช่น ต้นสน  ต้นพญาเสือโคร่ง  ต้นมะค่า ความสุขโดยสัมผัส คือการไปยืน ณ จุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพทิวทัศน์ของเมืองปายได้อย่างสวยงาม แบบสุดสายตา 360 องศา  ท่ามกลางมวลอากาศหนาวเย็นและมีลมพัดโชยสบาย ทุกฤดูกาล  อีกหนึ่งสิ่งน่าสนใจไม่ควรพลาด ต้องตื่นมาละเลียดภาพอุ่นๆ ของพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า โดยมีสายหมอกอ่อนละมุนมารอรับแสงแรกของวัน ที่จะทำให้บรรยากาศแปรเปลี่ยน กลายเป็นวินาทีแห่งความโรแมนติก



      ดอยเมี่ยง ดอยน้องใหม่แห่งอำเภอปายตั้งอยู่ในเขตป่าอนุรักษ์ ต.ทุ่งยาว อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ตามโครงการอันเนื่องมาจาก       
พระราชดำริดอยกิ่วลม สูงประมาณ 1,600 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง เป็นพื้นที่เป็นป่าดงดิบชื้น ภูเขาสูงชันสลับซับซ้อน    
มีพันธุ์ไม้หลายชนิด เช่น ต้นสน ต้นพญาเสือโคร่ง ต้นมะค่าและอีกมากมายนานาชนิดที่รอต้อนรับนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ให้มาซึมซับ กับบรรยากาศอันร่มรื่น ดอยเมี่ยงมีจุดเด่นทางธรรมชาติที่สวยงามและจุดชมวิวที่สามารถรับชมบรรยากาศอันร่มรื่น สามารถมอง เห็นทัศนียภาพทิวทัศน์ของเมืองปายได้กว้างไกลสวยงาม มีสภาพอากาศหนาวเย็นตลอดปีแม้ในช่วงฤดูร้อนหรือฤดูฝน สามารถมอง เห็นทะเลหมอกยามเช้าและพระอาทิตย์ขึ้นเหนือเมืองปายได้อย่างสวยงาม หากมาเที่ยวในช่วงกลางเดือนมกรามก็จะได้พบกับ ต้นนางพญาเสือโคร่งบานอีกด้วย ไม่ไกลจากยอดดอยเมี่ยงยังมีจุดชมพระอาทิตย์ และยอดดอยธงซึ่งเป็นจุดสูงสุดสามารถ ชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นได้สูงกว่าดอยเมี่ยงซึ่งต้องเดินทางต่อจากจุดจอดรถต้องเดินเท้าขึ้นต่อไปประมาณ 400 เมตร



รายละเอียดเพิ่มเติม
บนดอยเมี่ยงมีที่พักแบบเรียบง่ายจำนวน 4 หลัง รวมถึงเต้นท์เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว มีกระแสไฟฟ้าให้ใช้ตลอดทั้งวันเพราะมีพลังงาน กระแสไฟฟ้ารองรับนักท่องเที่ยวในรูปแบบของโซล่าเซล สามารติดต่อจองบ้านพักและรถรับส่งได้ที่ โทร 082 182 3993 ที่พักมีจำนวน 4 หลัง พักไดเหลังละ 2-3 คน มีเครื่องนอนน้ำอุ่นและไฟฟ้าใช้ มีเต้นท์ให้บริการ รวมถึงอาหารแต่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ ล่วงหน้า โดยราคาบ้านพักแล้วแต่จะบำรุงสถานที่ ส่วนค่ารถโฟรวิวคิดราคาเที่ยวละ 2000 บาท นั่งได้ 10 คน การเดินทางขึ้น ดอยเมี่ยง ต้องใช้บริการรถของเจ้าหน้าที่เท่านั้น เนื่องจากเส้นทางจากหมู่บ้านแพมบกไปยังยอดดอยเมี่ยงเป็นดินแดงและแคบมาก บางช่วงเป็นหลุมบ่อและซึ่งต้องอาศัยความชำนาญเส้นทางในการขับรถค่อนข้างสูง โดยการเดินทางสามารถนัดแนะให้รถของ เจ้าหน้าที่ไปรับยังจุดใดจุดหนึ่งของอ.ปาย ดอยเมี่ยงสามารถไปเที่ยวแบบไม่ต้องค้างคืนบนดอยได้โดยควรค้างที่ตัวเมืองปายแล้วนัด ให้เจ้าหน้าที่มารับในตัวเมืองตอนเช้ามืดประมาณตี 5 เพื่อไปยังยอดดอยให้ทันพระอาทิตย์ขึ้น หรือจะพักค้างคืนบนดอยเมี่ยงซึ่งจะ ได้บรรยากาศของความเป็นธรรมชาติมากและก็ช่วยย่นระยะเวลาในการเดินทางขึ้นไปด้วย



วีดีโอแนะนำการท่องเที่ยว ดอยเมี่ยง อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน


วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ 
จังหวัดลำปาง 



      แหล่งท่องเที่ยวสุดลับฉบับลำปาง กับจุดชมทิวทัศน์แบบพาโนรามา 360 องศา แห่งใหม่ ณ วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ (เฉลิมพระเกียรติครบ 200ปี) ที่จะทำให้คุณได้ยลโฉมวิวสวยอลังการของอำเภอแจ้ห่ม  เห็นลำน้ำแม่สอย แม่มอญและแม่วัง ขนานไปกับบท้องนาเขียวขจีสุดขอบฟ้า โดยมีภูเขาดอยปู่ยักษ์ทอดแนวยาว ประหนึ่งทศกัณฐ์พญายักษ์นอนปกปักรักษาเมือง ซึ่งจากบริเวณวัดต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อแล่นขึ้นไปที่จอดรถที่เรียกว่าดอยภูผาหมอก จากนั้นเดินต่อขึ้นไปบนจุดทิวทัศน์สูงสุดคือยอดดอยภูผาโชค รวมระยะทางประมาณ 1 กม. แม้หนทางอาจจะลำบากสักนิด แต่สิ่งที่ได้รับกลับคุ้มค่าเกินคำบรรยาย



    วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ หรือชื่อเดิมเรียกว่า“วัดพระพุทธบาทปู่ผาแดง” ซึ่งตั้งอยู่ที่ อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง สิ่งที่โดดเด่นของวัดนี้จนทำให้มีชื่อเสียงโด่งดัง คือ ภาพอันงดงามของเจดีย์เล็กๆสีขาวสร้างขึ้นบนภูเขาสูงเสียดฟ้า ล้อมรอบไปด้วยทิวเขาสูง ซึ่งสร้างจากแรงศรัทธาของมนุษย์เป็น ภาพที่ดึงดูดให้ใครหลายคนอยากเดินทางไป วัดเฉลิมพระเกียรติฯ ตั้งอยู่บนภูเขาใหญ่ใน อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง อยู่ในพื้นที่ของเขต ห้ามล่าสัตว์ป่าดอยพระบาท บนยอดเขาแห่งนี้มีรอยพระพุทธบาท ประดิษฐานอยู่ เป็นที่เคารพบูชาของชาว อ.แจ้ห่ม มาอย่างยาวนาน แต่เมื่อก่อนนี้ยังไม่มีการทำถนนขึ้นสู่ดอยดังนั้นพุทธศาสนิกชน   ผู้ศรัทธาจึงต้องเดิน เท้าผ่านป่าทึบและหน้าผาสูงขึ้นไปสักการบูชา รอยพระพุทธบาทแห่งนี้ ต่อมาหลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล
(พระเทพวิสุทธิญาณ) เจ้าอาวาสวัดอนาลโยทิพยาราม จังหวัดพะเยาได้เดินทาง มาสักการะรอยพระพุทธบาทโดยการเดินเท้า   พลังศรัทธาของท่านเป็นที่มาของ การสร้างวัดขึ้น ประกอบกับในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4)      พระราชสมภพครบ 200 ปี เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2547 ทางคณะสงฆ์จึงมีมติให้สร้างวัดเฉลิมพระเกียรติ แด่พระองค์ท่านเพื่อน้อมรำลึกถึง พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีต่อ ปวงชนชาวไทย จึงได้สร้าง “วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้า ราชานุสรณ์” ที่ตำบล
วิเชตนคร อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปางขึ้น




      ภายในบริเวณวัดด้านล่าง เป็นที่ตั้งของตัว“วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ เป็นที่ตั้งของอุโบสถและเจดีย์ เราสามารถ เข้าไป กราบพระพุทธรูปภายในอุโบสถที่จำลองมาจากพระนิรันตราย ซึ่งถือเป็นพระพุทธรูปประจำ พระองค์ของรัชกาลที่ 4 องค์หนึ่ง ส่วนตัวอุโบสถมีลักษณะเหมือนวัดทางล้านนา มีหลังคาลดหลั่นสองชั้น และมีสิงห์คู่ยืนเฝ้าอยู่บริเวณทางเข้าสู่ลานอุโบสถ วัดที่อยู่บน ยอดเขา ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นส่วนของเจดีย์ที่สร้างรายล้อมอยู่บนเขา ซึ่งต้องนั่งรถผ่านเส้นทางลาดชัน และแคบ ไปประมาณ 30นาที จากนั้น เดินทางขึ้นบันไดไปอีกประมาณ 300 กว่าขั้น  
เมื่อมาถึงยอดเขาด้านบน จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือฝั่งทางขวาจะได้ขึ้นไปนมัสการองค์พระธาตุ ซึ่งต้องเดินขึ้นบันไดเล็กๆ ชันๆ ขึ้นไป แต่วิวด้านบนนั้นงดงามเป็นอย่างยิ่ง มองเห็นทิวทัศน์ของอำเภอแจ้ห่ม และมองเห็นบริเวณวัดวัดเฉลิมพระเกียรติฯ ที่อยู่ด้านล่าง และอีกส่วนคือ ฝั่งซ้ายเรียกว่าศาลาสวดมนต์ จุดนี้ไม่ได้มีพระสงฆ์จำวัดอยู่ แต่จะเป็นสถานที่ที่พระจะขึ้นมาสวดมนต์ทุกวันแรม 8 ค่ำ บนศาลาสวดมนต์จะมีพระพุทธรูปประดิษฐานให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้กัน อีกทั้งยังเป็นจุดชมวิวที่งดงามอีกหนึ่งจุดมองไป เบื้องหน้าเป็นวิวของอำเภอแจ้ห่ม มองไปด้านหลังเป็นเจดีย์องค์เล็กองค์น้อยประดิษฐานอยู่บนยอดภูเขาราวกับมีคนจับวาง 

เมื่อมองไปทางขวาจะเห็นเป็นวิวขององค์พระธาตุสีทองบนยอดเขา และหากมองมาทางซ้ายจะเห็นเจดีย์สีขาว 5 องค์อยู่ริมชะง่อนผา หินไกลๆ มองแล้วก็ต้องทึ่งว่าใครหนอช่างมีความพยายามไปสร้างเจดีย์ไว้ในที่ที่แม้แต่เดินตัวเปล่าก็ยังยากลำบากแต่ด้วยแรงศรัทธา ของ มนุษย์ก็สามารถทำเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ให้เกิดขึ้นได้อย่างน่ามหัศจรรย์



วีดีโอแนะนำการท่องเที่ยว วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ 



ข้อมูลและภาพ : 
http://www.painaidii.com/diary/diary-detail/001533/lang/th/
http://www.paiduaykan.com/province/north/maehongson/doimeang.html
http://www.paiduaykan.com/province/north/lampang/watchalermprakiat.html

วีดีโอ : https://www.youtube.com
        

วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

มงคลสถาน ลานพระใหญ่ & วัดป่าภูก้อน จ.อุดรธานี

มงคลสถาน ลานพระใหญ่







   พระพุทธรูปสีขาวนับร้อยองค์ ประดิษฐานอยู่ในพื้นที่กว้างขวางหลายร้อยไร่ บนเส้นทางสายเอเชียริมแม่น้ำตาปี ติดเขต อ.ทุ่งใหญ่ ซึ่งใครต่างเรียกขานสถานที่แห่งนี้ว่าวัดนิรนาม จ.นครศรีธรรมราช Unseen แห่งใหม่ในเมืองใต้ จากอดีตเหมืองเก่าสู่กลิ่นอายแห่งศรัทธา เมื่อเข้ามาสัมผัสจะได้รับรู้ได้ถึงความสงบนิ่ง นับเป็นที่เที่ยวมุมใหม่ที่ควรมาเยือนดูสักครั้ง


วัดป่าภูก้อน จังหวัดอุดรธานี




     อลังการธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่กว่า 3,000 ไร่ ทิวทัศน์ระดับ Unseen Thailand และไม่เพียงอากาศบริสุทธิ์หรือวิวสวยๆ เท่านั้น เมื่อเข้าสู่ภายในวัดก็ต้องตะลึง! กับพระมหาวิหารที่ตกแต่งด้วยสำริดทั้งหมด นอกจากนี้ยังได้มากราบนมัสการ  “พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี” ความยาว 20 เมตร ที่สร้างขึ้นด้วยหินอ่อนสีขาวจากประเทศอิตาลี รวมถึง “องค์พระปฐมรัตนบูรพาจารย์มหาเจดีย์” ซึ่งบริเวณชั้นบนของยอดเจดีย์ ได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ไว้ให้ประชาชนผู้ศรัทธาได้มากราบสักการะ


     วัดป่าภูก้อน เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูง และป่าน้ำโสม ท้องที่บ้านนาคำใหญ่ ตำบลบ้านก้อง เป็น รอยต่อแผ่นดิน 3 จังหวัด คือ อุดรธานี เลย และหนองคาย



     วัดป่าภูก้อน เกิดขึ้นจากพุทธบริษัท ที่ตระหนักถึงคุณประโยชน์ของธรรมชาติและป่าต้นน้ำลำธาร ซึ่งกำลังถูกทำลาย และเพื่อตามรอยพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการรักษาความสมบูรณ์ของป่าไม้ต้นน้ำลำธาร สัตว์ป่า และพรรณไม้นานาพันธุ์ ให้เป็นมรดกของลูกหลานไทยคู่กับแผ่นดินไทย วัดป่าภูก้อน จะเป็นสถานที่ที่สงบเหมาะแก่การบำเพ็ญภาวนาของพระสายกรรมฐาน



  ภายในวัดมี พระบรมสารีริกธาตุบรรจุ ในพระเกศพระร่วงโรจน์ศรีบูรพา ซึ่งเป็นประธานประดิษฐานหน้าองค์พระปฐมรัตนบูรพาจารย์มหาเจดีย์ มีพระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี เป็นพระพุทธรูปปางปรินิพพาน ทำด้วยหินอ่อนขาวจากเมืองคาร์ราร่า ประเทศอิตาลี ความยาว 20 เมตร มี ลักษณะอ่อนช้อยงดงาม


ภาพจาก watpaphukon.org
                                                       

   การเดินทางไปวัดป่าภูก้อน อยู่ห่างจากตัวจังหวัด 124 กิโลเมตร จากจังหวัดอุดรธานี ไปตามทางหลวงหมายเลข 2 (อุดรธานี-หนองคาย) ถึงกิโลเมตรที่ 13 เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2021 (อุดรธานี-บ้านผือ) ไปยังบ้านนาคำใหญ่ อำเภอนายูง
                       


 วีดีโอแนะนำการท่องเที่ยว วัดป่าภูก้อน  อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี

                                       

ข้อมูลและภาพ : 
http://www.painaidii.com/diary/diary-detail/001533/lang/th/
http://thai.tourismthailand.org/king10/th-landing.html
http://travel.mthai.com/blog/90967.html                       
                        
วีดีโอ : https://www.youtube.com